เรื่องเริ่มต้นเมื่อวันเสาร์ที่ 19 พ.ย.54 เวลาประมาณ 17.00 อุ้มเดสม่อน(2.4ขวบหนัก 15 โล)ไปให้อาหารปลาที่ บ่อปลาในหมู่บ้าน ทางเดินระหว่าง
ฟุธบาทกับสนามมันมีหลุม แต่เราไม่เห็นทำให้ข้อเท้าขาวพลิก เข่าซ้ายลงกระแทกพื้น สิ่งแรกที่เราทำคือสำรวจลูกว่าบาดเจ็บตรงไหนบ้าง แล้วเราพยายามจะลุก...แต่ลุกไม่ได้เจ็บขาซ้ายมาก เดสม่อนร้องไห้เสียงดังเมื่อเห็นเลือดเรา...มี๊เจ็บ มี๊เจ็บ (ทำท่าเป่า) ลุงที่เล่นกับเดสม่อนบ่อยๆออกกำลังกายอยู่แถวนั้นเดินเข้ามาดูเราพยายามพยุงเราขึ้น แต่เดสม่อนไม่ยอมให้ใครมาจับเรา พอดีมีพี่คนนึงในซอยเดียวกันพาลูกสาวมาเล่นที่สนามเลยวานลุงไปเรียกให้พี่เค้าอุ้มเดสม่อนส่งบ้าน (ขณะเดียวกันให้หลานของพี่เลี้ยงที่เคยเลี้ยงเดสม่อนเอารถมอไซด์มารับเรา) ซักพักคุณสามีวิ่งหน้าตื่นมา พร้อมกับพี่เลี้ยงเดสม่อนเอารถมารับ ถึงบ้านคุณสามีล้างแผลที่เข้าซ้ายให้ พยายามให้เรางอขา เราบอกว่างอไม่ได้ เค้าบอกว่าแผลแค่นี้ทำใจเสาะ เราเลยบอกว่า it's about my bone เลยไป รพ. ระหว่างนั้น ให้พี่เลี้ยงที่เคยเลี้ยงเดสม่อนอยู่เป้นเพื่อนลูกที่บ้าน ส่วนพี่เลี้ยงน้องดีน ดูน้องดีนไป
ถึง รพ. 18.00 เข้า ER ล้างแผลเสร็จ แพทย์สั่งเอกเรย์ แล้วหมอมีผ่าตัดด่วน ฟิล์มเอกเรย์โชว์ที่เคาเตอร์พยาบาล คุณสามีเดินมาบอกเราว่ากระดูกสะบ้าเราหัก ในใจคิดว่าพูดเป็นเล่นเพราะไม่คิดว่าเค้าจะดูฟิล์มเป็น (ระหว่างนั้นนอนรอหมอกระดูก) พยาบาลเดินเข้ามาถามเราว่าทานข้าว ดื่มน้ำครั้งสุดท้ายไปกี่โมง เพราะกระดูกสะบ้าหัวเข่าหักอาจจะต้องผ่าตัดเพื่อดามลวด !!!
หมอกระดูกเข้ามาเกือบ 2 ทุ่ม ดูฟิล์มแล้วบอกว่ามันแตกออกประมาณ 2 มิล การใส่เฝือกจะใช้เวลาประมาณ 6 อาทิตย์ - 2 เดือน แต่ถ้าผ่าตัดดามลวดหลังจากนั้นใส่เฝือกจะใช้เวลาประมาณ 1 เดือน เราเลยเลือกแค่ใส่เฝือก เพราะไม่อยากผ่าตัด (ก็พึ่งจะผ่าคลอดคนเล้กได้ 4 เดือน)
ใช้บัตร ATM ที่เป็นประกันไป 2 ใบ (ค่าใส่เฝือกไฟเบอร์ 7,400)
กลับถึงบ้านประมาณเกือบ 4 ทุ่ม ทำความคุ้นเคยกับไม้ค้ำยัน
เช้าวันอังคารคุณสามีต้องกลับไปทำงานโทรกลับมาบอกเราว่าเค้าขอลางานต่อ 2-3วัน เพื่ออยู่ดูแลเรา (พี่เลี้ยงมันมีหน้าที่ดูน้อง ดูอย่างเดียวจริงๆ อย่างอื่น..ไม่ทำ)
ทุกอย่างเริ่มเข้าที่....
คืนวันพุธที่ 23 พ.ย. 54 19.30 เดสม่อนอาเจียน และก็อาเจียนทุกๆ ครึ่งชม. ดื่มน้ำเข้าไปก็ออก เราเอา ORS ให้ลูก ก็ออก ตัดสินใจไปรพ.ตอนเกือบ 4 ทุ่ม หอบกันไปหมด 4 คน พ่อ แม่ลูก (พี่เลี้ยงน้องดีนขอออกไปนอนข้างนอก) หมอเด็กมาดูเราขอลูกนอน รพ. เพื่อดูอาการ โดยที่ไม่ต้องให้น้ำเกลือเนื่องจากลูกยอมดื่มเกลือแร่ วันพฤ หมอบอกว่าสามารถกลับบ้านได้ หมด ไป 4,007 ประกันยังใช้ไม่ได้เพราะยังทำไม่ถึง 6 เดือนต้องสำรองจ่ายไปก่อน
โทรขอร้องพี่สาวให้มาอยู่เป้นเพื่อนเพราะวันศุกร์คุณพี่เลี้ยงขอลา (ศุกร์บ่าย-อาทิตย์) เพื่อไปหาแฟน ที่ไม่ใช่พ่อของลูก และก็ไม่ใช่คนที่คบอีกคน
เช้าวันศุกร์เรากับสามีออกไปธุระข้างนอกเอาเดสม่อนออกไปด้วย พี่เลี้ยงโทรมาบอกน้องดีน อ้วก 2 ครั้ง คิดในใจอย่าเป็นไรนะลูก(เพราะยังไม่ได้ทำประกันให้ดีน)
16.30 บอกสามีให้ไปรับพี่สาวเราที่ทำงาน สามีบอกไปไม่ไหว เริ่มถ่ายท้องหนัก+อาเจียน เลยโทรหาน้องที่เราฝากฝึกงานที่ทำงานเราอยู่ในหมู่บ้านเราพาพี่สาวเรากลับมาด้วย
21.30 สามีตะโกนมาจากข้างบน Mummy Hospital โทรเรียกแท็กซี่จากศูนย์ รอประมาณ 20 นาที สภาพสามีตอนนั้นเริ่มตัวเหลืองเพราะขาดน้ำ กระเตงเดสม่อนไป รพ.ด้วย ให้พี่สาวดูแลน้องดีนที่บ้าน สรุปคุณสามีต้องนอน รพ.
สายๆวันเสาร์เรากลับบ้านอาบน้ำ แล้วออกจากบ้านเกือบบ่าย (เดสม่อนไปด้วย) ดีอย่างที่รพ.นี้ใช้บริการเป็นประจำ ตั้งแต่เวรเปล รู้จักครอบครัวเราหมด (โดยเฉพาะคุณลูกชาย 2 คน ) ถึง รพ.เดสม่อนไม่ยอมขึ้นไปบนห้องพักดาดี๋ แต่ไปคลุกอยู่กับพยาบาลแผนกอายุรกรรม แล้วชวนพยาบาลออกไปเดินเดินข้างนอก ไปนั่งชมสวนใกล้ๆห้อง ER เราบอกยังไงก็ไม่ยอมกลับ จะให้อุ้ม จนเวรเปลเอาเปลรับคนไข้ฉุกเฉิน(ที่ปรับนอนได้)มารับให้เรานั่ง ปรากฎคุณลูกชายปีนนั่งเฉย เข็นผ่านประชาสัมพันธ์ เค้าแซวว่า เจเจ (ชื่อเล่นเดสม่อน) ทำมัยไม่ให้มามี๊นั่ง เดสม่อน โบกมือบายบ๊าย ส่งจุ๊บให้ สรุปยอมขึ้นห้องพักโดยรถเข็น
เย็นๆเราพาลูกกลับบ้านเพราะเรานอนไม่สะดวกที่ รพ.(ก็ขายังใส่เฝือกอยู่นิ) ถึงบ้านน้องสาวของพี่เลี้ยงที่เคยเลี้ยงเดสม่อน(จ้างให้มาช่วยพี่สาวเราเลี้ยงน้องดีน) พาไปเดินเล่นที่สนามเด้กเล่นเค้าพาไปอาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อที่บ้านเค้า
เช้าวันอาทิตย์พี่สาวเราพาเดสม่อนไปตลาดในหมู่บ้านด้วย แต่ขากลับๆมาคนเดียวส่วนหลาน เดี๋ยวมีคนมาส่ง (80% ของคนในหมู่บ้านรู้จักเดสม่อน) ตอนสายๆ ออกไป รพ. (กระเตงเดสม่อนไปเหมือนเดิม)
ถึงรพ. พอดีทางรพ. เค้าออกหน่วยไปช่วยผู้ประสบภัย แล้วก็คนของที่มีคนบริจาคขึ้นรถ ....คุณลุกชายก็เข้าไปช่วยขนกับเค้า (เก่งจริงจิตอาสาตัวน้อยของมามี๊ :) )
วันนี้คุณหมอให้ดาดี๊กลับบ้านได้แล้ว เวรเปลขึ้นมารับดาดี๊ที่ห้องขึ้นมา 2 คันสำหรับเราด้วย (แต่คุณลูกชายไปนั้งตามระเบียบ สรุปคุณดาดี๊ต้องเดิน
จ่ายเองไป 600 บาท สำหรับค่าแพทย์เยี่ยมไข้ส่วนเกินจากบูพา (ทั้งหมด เกือบ 15,000)
เช้าวันจันทร์เป็นกำหนดการที่พี่เลี้ยงน้องดีนต้องกลับมาทำงาน แล้วเราก็จะไปทำงานเหมือนกัน(ไปทั้งๆใส่เฝือกนี่แหละ) 7 โมงแล้วยังไม่มา(ดาดี๊ขอลางานต่อถึงวันพุธ) sms มาบอกเราว่าจะกลับมาวันพุธเนื่องจากลูกเค้าไม่สบาย(แต่เราว่าโกหก เพราะวันศุกร์ยังโทรมาขอเงินเราเพื่อไปหาแฟนอยู่เลย แล้วงัยมีเงินกลับบ้าน ตจว.หละ)
ตอนนี้เลยตัดสินใจเอาพี่เลี้ยงน้องดีนออก แล้วให้แม่ของพี่เลี้ยงเดสม่อนดูแลแต่ต้องไปส่งที่บ้านเค้า เดือนละ 3500
พี่เลี้ยงน้องดีนจ้างเดือนละ 9000 อย่างอื่นไม่ทำวันๆนั่งดูแต่เพลงลุกทุ่ง คุยโทรศัพท์
ฟุธบาทกับสนามมันมีหลุม แต่เราไม่เห็นทำให้ข้อเท้าขาวพลิก เข่าซ้ายลงกระแทกพื้น สิ่งแรกที่เราทำคือสำรวจลูกว่าบาดเจ็บตรงไหนบ้าง แล้วเราพยายามจะลุก...แต่ลุกไม่ได้เจ็บขาซ้ายมาก เดสม่อนร้องไห้เสียงดังเมื่อเห็นเลือดเรา...มี๊เจ็บ มี๊เจ็บ (ทำท่าเป่า) ลุงที่เล่นกับเดสม่อนบ่อยๆออกกำลังกายอยู่แถวนั้นเดินเข้ามาดูเราพยายามพยุงเราขึ้น แต่เดสม่อนไม่ยอมให้ใครมาจับเรา พอดีมีพี่คนนึงในซอยเดียวกันพาลูกสาวมาเล่นที่สนามเลยวานลุงไปเรียกให้พี่เค้าอุ้มเดสม่อนส่งบ้าน (ขณะเดียวกันให้หลานของพี่เลี้ยงที่เคยเลี้ยงเดสม่อนเอารถมอไซด์มารับเรา) ซักพักคุณสามีวิ่งหน้าตื่นมา พร้อมกับพี่เลี้ยงเดสม่อนเอารถมารับ ถึงบ้านคุณสามีล้างแผลที่เข้าซ้ายให้ พยายามให้เรางอขา เราบอกว่างอไม่ได้ เค้าบอกว่าแผลแค่นี้ทำใจเสาะ เราเลยบอกว่า it's about my bone เลยไป รพ. ระหว่างนั้น ให้พี่เลี้ยงที่เคยเลี้ยงเดสม่อนอยู่เป้นเพื่อนลูกที่บ้าน ส่วนพี่เลี้ยงน้องดีน ดูน้องดีนไป
ถึง รพ. 18.00 เข้า ER ล้างแผลเสร็จ แพทย์สั่งเอกเรย์ แล้วหมอมีผ่าตัดด่วน ฟิล์มเอกเรย์โชว์ที่เคาเตอร์พยาบาล คุณสามีเดินมาบอกเราว่ากระดูกสะบ้าเราหัก ในใจคิดว่าพูดเป็นเล่นเพราะไม่คิดว่าเค้าจะดูฟิล์มเป็น (ระหว่างนั้นนอนรอหมอกระดูก) พยาบาลเดินเข้ามาถามเราว่าทานข้าว ดื่มน้ำครั้งสุดท้ายไปกี่โมง เพราะกระดูกสะบ้าหัวเข่าหักอาจจะต้องผ่าตัดเพื่อดามลวด !!!
หมอกระดูกเข้ามาเกือบ 2 ทุ่ม ดูฟิล์มแล้วบอกว่ามันแตกออกประมาณ 2 มิล การใส่เฝือกจะใช้เวลาประมาณ 6 อาทิตย์ - 2 เดือน แต่ถ้าผ่าตัดดามลวดหลังจากนั้นใส่เฝือกจะใช้เวลาประมาณ 1 เดือน เราเลยเลือกแค่ใส่เฝือก เพราะไม่อยากผ่าตัด (ก็พึ่งจะผ่าคลอดคนเล้กได้ 4 เดือน)
ใช้บัตร ATM ที่เป็นประกันไป 2 ใบ (ค่าใส่เฝือกไฟเบอร์ 7,400)
กลับถึงบ้านประมาณเกือบ 4 ทุ่ม ทำความคุ้นเคยกับไม้ค้ำยัน
เช้าวันอังคารคุณสามีต้องกลับไปทำงานโทรกลับมาบอกเราว่าเค้าขอลางานต่อ 2-3วัน เพื่ออยู่ดูแลเรา (พี่เลี้ยงมันมีหน้าที่ดูน้อง ดูอย่างเดียวจริงๆ อย่างอื่น..ไม่ทำ)
ทุกอย่างเริ่มเข้าที่....
คืนวันพุธที่ 23 พ.ย. 54 19.30 เดสม่อนอาเจียน และก็อาเจียนทุกๆ ครึ่งชม. ดื่มน้ำเข้าไปก็ออก เราเอา ORS ให้ลูก ก็ออก ตัดสินใจไปรพ.ตอนเกือบ 4 ทุ่ม หอบกันไปหมด 4 คน พ่อ แม่ลูก (พี่เลี้ยงน้องดีนขอออกไปนอนข้างนอก) หมอเด็กมาดูเราขอลูกนอน รพ. เพื่อดูอาการ โดยที่ไม่ต้องให้น้ำเกลือเนื่องจากลูกยอมดื่มเกลือแร่ วันพฤ หมอบอกว่าสามารถกลับบ้านได้ หมด ไป 4,007 ประกันยังใช้ไม่ได้เพราะยังทำไม่ถึง 6 เดือนต้องสำรองจ่ายไปก่อน
โทรขอร้องพี่สาวให้มาอยู่เป้นเพื่อนเพราะวันศุกร์คุณพี่เลี้ยงขอลา (ศุกร์บ่าย-อาทิตย์) เพื่อไปหาแฟน ที่ไม่ใช่พ่อของลูก และก็ไม่ใช่คนที่คบอีกคน
เช้าวันศุกร์เรากับสามีออกไปธุระข้างนอกเอาเดสม่อนออกไปด้วย พี่เลี้ยงโทรมาบอกน้องดีน อ้วก 2 ครั้ง คิดในใจอย่าเป็นไรนะลูก(เพราะยังไม่ได้ทำประกันให้ดีน)
16.30 บอกสามีให้ไปรับพี่สาวเราที่ทำงาน สามีบอกไปไม่ไหว เริ่มถ่ายท้องหนัก+อาเจียน เลยโทรหาน้องที่เราฝากฝึกงานที่ทำงานเราอยู่ในหมู่บ้านเราพาพี่สาวเรากลับมาด้วย
21.30 สามีตะโกนมาจากข้างบน Mummy Hospital โทรเรียกแท็กซี่จากศูนย์ รอประมาณ 20 นาที สภาพสามีตอนนั้นเริ่มตัวเหลืองเพราะขาดน้ำ กระเตงเดสม่อนไป รพ.ด้วย ให้พี่สาวดูแลน้องดีนที่บ้าน สรุปคุณสามีต้องนอน รพ.
สายๆวันเสาร์เรากลับบ้านอาบน้ำ แล้วออกจากบ้านเกือบบ่าย (เดสม่อนไปด้วย) ดีอย่างที่รพ.นี้ใช้บริการเป็นประจำ ตั้งแต่เวรเปล รู้จักครอบครัวเราหมด (โดยเฉพาะคุณลูกชาย 2 คน ) ถึง รพ.เดสม่อนไม่ยอมขึ้นไปบนห้องพักดาดี๋ แต่ไปคลุกอยู่กับพยาบาลแผนกอายุรกรรม แล้วชวนพยาบาลออกไปเดินเดินข้างนอก ไปนั่งชมสวนใกล้ๆห้อง ER เราบอกยังไงก็ไม่ยอมกลับ จะให้อุ้ม จนเวรเปลเอาเปลรับคนไข้ฉุกเฉิน(ที่ปรับนอนได้)มารับให้เรานั่ง ปรากฎคุณลูกชายปีนนั่งเฉย เข็นผ่านประชาสัมพันธ์ เค้าแซวว่า เจเจ (ชื่อเล่นเดสม่อน) ทำมัยไม่ให้มามี๊นั่ง เดสม่อน โบกมือบายบ๊าย ส่งจุ๊บให้ สรุปยอมขึ้นห้องพักโดยรถเข็น
เย็นๆเราพาลูกกลับบ้านเพราะเรานอนไม่สะดวกที่ รพ.(ก็ขายังใส่เฝือกอยู่นิ) ถึงบ้านน้องสาวของพี่เลี้ยงที่เคยเลี้ยงเดสม่อน(จ้างให้มาช่วยพี่สาวเราเลี้ยงน้องดีน) พาไปเดินเล่นที่สนามเด้กเล่นเค้าพาไปอาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อที่บ้านเค้า
เช้าวันอาทิตย์พี่สาวเราพาเดสม่อนไปตลาดในหมู่บ้านด้วย แต่ขากลับๆมาคนเดียวส่วนหลาน เดี๋ยวมีคนมาส่ง (80% ของคนในหมู่บ้านรู้จักเดสม่อน) ตอนสายๆ ออกไป รพ. (กระเตงเดสม่อนไปเหมือนเดิม)
ถึงรพ. พอดีทางรพ. เค้าออกหน่วยไปช่วยผู้ประสบภัย แล้วก็คนของที่มีคนบริจาคขึ้นรถ ....คุณลุกชายก็เข้าไปช่วยขนกับเค้า (เก่งจริงจิตอาสาตัวน้อยของมามี๊ :) )
วันนี้คุณหมอให้ดาดี๊กลับบ้านได้แล้ว เวรเปลขึ้นมารับดาดี๊ที่ห้องขึ้นมา 2 คันสำหรับเราด้วย (แต่คุณลูกชายไปนั้งตามระเบียบ สรุปคุณดาดี๊ต้องเดิน
จ่ายเองไป 600 บาท สำหรับค่าแพทย์เยี่ยมไข้ส่วนเกินจากบูพา (ทั้งหมด เกือบ 15,000)
เช้าวันจันทร์เป็นกำหนดการที่พี่เลี้ยงน้องดีนต้องกลับมาทำงาน แล้วเราก็จะไปทำงานเหมือนกัน(ไปทั้งๆใส่เฝือกนี่แหละ) 7 โมงแล้วยังไม่มา(ดาดี๊ขอลางานต่อถึงวันพุธ) sms มาบอกเราว่าจะกลับมาวันพุธเนื่องจากลูกเค้าไม่สบาย(แต่เราว่าโกหก เพราะวันศุกร์ยังโทรมาขอเงินเราเพื่อไปหาแฟนอยู่เลย แล้วงัยมีเงินกลับบ้าน ตจว.หละ)
ตอนนี้เลยตัดสินใจเอาพี่เลี้ยงน้องดีนออก แล้วให้แม่ของพี่เลี้ยงเดสม่อนดูแลแต่ต้องไปส่งที่บ้านเค้า เดือนละ 3500
พี่เลี้ยงน้องดีนจ้างเดือนละ 9000 อย่างอื่นไม่ทำวันๆนั่งดูแต่เพลงลุกทุ่ง คุยโทรศัพท์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น