วันอาทิตย์ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

รพ. บ้านหลังที่ 2

เรื่องเริ่มต้นเมื่อวันเสาร์ที่ 19 พ.ย.54 เวลาประมาณ 17.00 อุ้มเดสม่อน(2.4ขวบหนัก 15 โล)ไปให้อาหารปลาที่ บ่อปลาในหมู่บ้าน ทางเดินระหว่าง
ฟุธบาทกับสนามมันมีหลุม แต่เราไม่เห็นทำให้ข้อเท้าขาวพลิก เข่าซ้ายลงกระแทกพื้น สิ่งแรกที่เราทำคือสำรวจลูกว่าบาดเจ็บตรงไหนบ้าง แล้วเราพยายามจะลุก...แต่ลุกไม่ได้เจ็บขาซ้ายมาก เดสม่อนร้องไห้เสียงดังเมื่อเห็นเลือดเรา...มี๊เจ็บ มี๊เจ็บ (ทำท่าเป่า) ลุงที่เล่นกับเดสม่อนบ่อยๆออกกำลังกายอยู่แถวนั้นเดินเข้ามาดูเราพยายามพยุงเราขึ้น แต่เดสม่อนไม่ยอมให้ใครมาจับเรา พอดีมีพี่คนนึงในซอยเดียวกันพาลูกสาวมาเล่นที่สนามเลยวานลุงไปเรียกให้พี่เค้าอุ้มเดสม่อนส่งบ้าน (ขณะเดียวกันให้หลานของพี่เลี้ยงที่เคยเลี้ยงเดสม่อนเอารถมอไซด์มารับเรา) ซักพักคุณสามีวิ่งหน้าตื่นมา พร้อมกับพี่เลี้ยงเดสม่อนเอารถมารับ ถึงบ้านคุณสามีล้างแผลที่เข้าซ้ายให้ พยายามให้เรางอขา เราบอกว่างอไม่ได้ เค้าบอกว่าแผลแค่นี้ทำใจเสาะ เราเลยบอกว่า it's about my bone เลยไป รพ. ระหว่างนั้น ให้พี่เลี้ยงที่เคยเลี้ยงเดสม่อนอยู่เป้นเพื่อนลูกที่บ้าน ส่วนพี่เลี้ยงน้องดีน ดูน้องดีนไป

ถึง รพ. 18.00 เข้า ER ล้างแผลเสร็จ แพทย์สั่งเอกเรย์ แล้วหมอมีผ่าตัดด่วน ฟิล์มเอกเรย์โชว์ที่เคาเตอร์พยาบาล คุณสามีเดินมาบอกเราว่ากระดูกสะบ้าเราหัก ในใจคิดว่าพูดเป็นเล่นเพราะไม่คิดว่าเค้าจะดูฟิล์มเป็น (ระหว่างนั้นนอนรอหมอกระดูก) พยาบาลเดินเข้ามาถามเราว่าทานข้าว ดื่มน้ำครั้งสุดท้ายไปกี่โมง เพราะกระดูกสะบ้าหัวเข่าหักอาจจะต้องผ่าตัดเพื่อดามลวด !!!

หมอกระดูกเข้ามาเกือบ 2 ทุ่ม ดูฟิล์มแล้วบอกว่ามันแตกออกประมาณ 2 มิล การใส่เฝือกจะใช้เวลาประมาณ 6 อาทิตย์ - 2 เดือน แต่ถ้าผ่าตัดดามลวดหลังจากนั้นใส่เฝือกจะใช้เวลาประมาณ 1 เดือน เราเลยเลือกแค่ใส่เฝือก เพราะไม่อยากผ่าตัด (ก็พึ่งจะผ่าคลอดคนเล้กได้ 4 เดือน)

ใช้บัตร ATM ที่เป็นประกันไป 2 ใบ (ค่าใส่เฝือกไฟเบอร์ 7,400)

กลับถึงบ้านประมาณเกือบ 4 ทุ่ม ทำความคุ้นเคยกับไม้ค้ำยัน

เช้าวันอังคารคุณสามีต้องกลับไปทำงานโทรกลับมาบอกเราว่าเค้าขอลางานต่อ 2-3วัน เพื่ออยู่ดูแลเรา (พี่เลี้ยงมันมีหน้าที่ดูน้อง ดูอย่างเดียวจริงๆ อย่างอื่น..ไม่ทำ)

ทุกอย่างเริ่มเข้าที่....

คืนวันพุธที่ 23 พ.ย. 54 19.30 เดสม่อนอาเจียน และก็อาเจียนทุกๆ ครึ่งชม. ดื่มน้ำเข้าไปก็ออก เราเอา ORS ให้ลูก ก็ออก ตัดสินใจไปรพ.ตอนเกือบ 4 ทุ่ม หอบกันไปหมด 4 คน พ่อ แม่ลูก (พี่เลี้ยงน้องดีนขอออกไปนอนข้างนอก) หมอเด็กมาดูเราขอลูกนอน รพ. เพื่อดูอาการ โดยที่ไม่ต้องให้น้ำเกลือเนื่องจากลูกยอมดื่มเกลือแร่ วันพฤ หมอบอกว่าสามารถกลับบ้านได้ หมด ไป 4,007 ประกันยังใช้ไม่ได้เพราะยังทำไม่ถึง 6 เดือนต้องสำรองจ่ายไปก่อน

โทรขอร้องพี่สาวให้มาอยู่เป้นเพื่อนเพราะวันศุกร์คุณพี่เลี้ยงขอลา (ศุกร์บ่าย-อาทิตย์) เพื่อไปหาแฟน ที่ไม่ใช่พ่อของลูก และก็ไม่ใช่คนที่คบอีกคน

เช้าวันศุกร์เรากับสามีออกไปธุระข้างนอกเอาเดสม่อนออกไปด้วย พี่เลี้ยงโทรมาบอกน้องดีน อ้วก 2 ครั้ง คิดในใจอย่าเป็นไรนะลูก(เพราะยังไม่ได้ทำประกันให้ดีน)

16.30 บอกสามีให้ไปรับพี่สาวเราที่ทำงาน สามีบอกไปไม่ไหว เริ่มถ่ายท้องหนัก+อาเจียน เลยโทรหาน้องที่เราฝากฝึกงานที่ทำงานเราอยู่ในหมู่บ้านเราพาพี่สาวเรากลับมาด้วย

21.30 สามีตะโกนมาจากข้างบน Mummy Hospital โทรเรียกแท็กซี่จากศูนย์ รอประมาณ 20 นาที สภาพสามีตอนนั้นเริ่มตัวเหลืองเพราะขาดน้ำ กระเตงเดสม่อนไป รพ.ด้วย ให้พี่สาวดูแลน้องดีนที่บ้าน สรุปคุณสามีต้องนอน รพ.

สายๆวันเสาร์เรากลับบ้านอาบน้ำ แล้วออกจากบ้านเกือบบ่าย (เดสม่อนไปด้วย) ดีอย่างที่รพ.นี้ใช้บริการเป็นประจำ ตั้งแต่เวรเปล รู้จักครอบครัวเราหมด (โดยเฉพาะคุณลูกชาย 2 คน ) ถึง รพ.เดสม่อนไม่ยอมขึ้นไปบนห้องพักดาดี๋ แต่ไปคลุกอยู่กับพยาบาลแผนกอายุรกรรม แล้วชวนพยาบาลออกไปเดินเดินข้างนอก ไปนั่งชมสวนใกล้ๆห้อง ER เราบอกยังไงก็ไม่ยอมกลับ จะให้อุ้ม จนเวรเปลเอาเปลรับคนไข้ฉุกเฉิน(ที่ปรับนอนได้)มารับให้เรานั่ง ปรากฎคุณลูกชายปีนนั่งเฉย เข็นผ่านประชาสัมพันธ์ เค้าแซวว่า เจเจ (ชื่อเล่นเดสม่อน) ทำมัยไม่ให้มามี๊นั่ง เดสม่อน โบกมือบายบ๊าย ส่งจุ๊บให้ สรุปยอมขึ้นห้องพักโดยรถเข็น

เย็นๆเราพาลูกกลับบ้านเพราะเรานอนไม่สะดวกที่ รพ.(ก็ขายังใส่เฝือกอยู่นิ) ถึงบ้านน้องสาวของพี่เลี้ยงที่เคยเลี้ยงเดสม่อน(จ้างให้มาช่วยพี่สาวเราเลี้ยงน้องดีน) พาไปเดินเล่นที่สนามเด้กเล่นเค้าพาไปอาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อที่บ้านเค้า

เช้าวันอาทิตย์พี่สาวเราพาเดสม่อนไปตลาดในหมู่บ้านด้วย แต่ขากลับๆมาคนเดียวส่วนหลาน เดี๋ยวมีคนมาส่ง (80% ของคนในหมู่บ้านรู้จักเดสม่อน) ตอนสายๆ ออกไป รพ. (กระเตงเดสม่อนไปเหมือนเดิม)

ถึงรพ. พอดีทางรพ. เค้าออกหน่วยไปช่วยผู้ประสบภัย แล้วก็คนของที่มีคนบริจาคขึ้นรถ ....คุณลุกชายก็เข้าไปช่วยขนกับเค้า (เก่งจริงจิตอาสาตัวน้อยของมามี๊ :) )
วันนี้คุณหมอให้ดาดี๊กลับบ้านได้แล้ว เวรเปลขึ้นมารับดาดี๊ที่ห้องขึ้นมา 2 คันสำหรับเราด้วย (แต่คุณลูกชายไปนั้งตามระเบียบ สรุปคุณดาดี๊ต้องเดิน
จ่ายเองไป 600 บาท สำหรับค่าแพทย์เยี่ยมไข้ส่วนเกินจากบูพา (ทั้งหมด เกือบ 15,000)

เช้าวันจันทร์เป็นกำหนดการที่พี่เลี้ยงน้องดีนต้องกลับมาทำงาน แล้วเราก็จะไปทำงานเหมือนกัน(ไปทั้งๆใส่เฝือกนี่แหละ) 7 โมงแล้วยังไม่มา(ดาดี๊ขอลางานต่อถึงวันพุธ) sms มาบอกเราว่าจะกลับมาวันพุธเนื่องจากลูกเค้าไม่สบาย(แต่เราว่าโกหก เพราะวันศุกร์ยังโทรมาขอเงินเราเพื่อไปหาแฟนอยู่เลย แล้วงัยมีเงินกลับบ้าน ตจว.หละ)

ตอนนี้เลยตัดสินใจเอาพี่เลี้ยงน้องดีนออก แล้วให้แม่ของพี่เลี้ยงเดสม่อนดูแลแต่ต้องไปส่งที่บ้านเค้า เดือนละ 3500

พี่เลี้ยงน้องดีนจ้างเดือนละ 9000 อย่างอื่นไม่ทำวันๆนั่งดูแต่เพลงลุกทุ่ง คุยโทรศัพท์

วันพฤหัสบดีที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2554

30 บาท VS รพ.เอกชน VS รพ.รัฐฯ

หลังจากเดสม่อน (2.2 ขวบ) เข้าเตรียมอนุบาลได้ซักพักก็เอาหวัดมาติดน้องดีน(ดีนครบ2เดือนพอดีวันที่13 ก.ย.54)
อ.13 ก.ย.54

05.30 น. ดีน หายใจดังวีดๆ หลังจากเป็นหวัดไปหาหมอมาแล้วเกือบอาทิตย์ไม่ดีขึ้น

05.35 น. ปลุกพี่เลี้ยงให้ไป รพ.ด้วยกันเพราะพ่อเค้าจะเลยไปทำงาน แต่เนื่องจากวันนั้นไม่มีเงินสดติดตัวเท่าไร เลยตัดสินใจลองใช้สิทธิ์ 30 บาท

05.50 น. ถึง รพ. ทำประวัติโดยพนักงานหน้าบูดเพราะโดนเราปลุก
06.00 น. ดีนถูกส่งเข้าห้องฉุกเฉิน เพราะยังเช้าอยู่จึงมีแต่หมอเวรในห้องฉุกเฉิน ไม่มีการตรวจคัดกรอง แม้แต่วัดปรอท แค่ถามจากเราเท่านั้น
06.10 น หมอเข้ามา บอกให้น้องอ้าปากจะดูคอ
หมอ : น้องคอไม่แดง..ไม่เป็นไร..กลับบ้านได้..ไม่มียา
เรา : หมอคะ คือน้องหายใจดังวีดๆ แล้วอีกอย่างน้องมีประวัติหายใจเร็วเพราะมีน้ำในปอดตอนแรกเกิดต้องนอน NICU 5 วัน
หมอ : เสียงหายใจปกติของเด็กวัยแรกเกิด ไข้ก้ไม่มี..กลับบ้านได้
06.15 น. เรากลับพี่เลี้ยงเดินออกด้วยอาการ ง. 4ตัว พ่อเค้ากำลังจะไปทำงานถามว่าทำไมเร็วจัง
06.30 น. กลับถึงบ้านอาบน้ำแต่งตัวเตรียมตัวไปทำงานทั้งที่ใจจริงไม่อยากไป แต่เนื่องจากตั้งแต่กลับจากลาคลอดวันนี้นายจะเข้ามาเลยจำใจสั่งพี่เลี้ยงให้ดูน้องอย่างใกล้ชิด

07.20 น. แท็กซี่เจ้าประจำมารับ ไปส่งเดสม่อนที่ รร. แล้วนั่งต่อไปทำงาน

07.50 น.ถึงที่ทำงาน นั่งไปซักชั่วโมง โทรหาพ่อมันว่าออกได้เร็วสุดกี่โมงจะเอาลูกไปสมิตเวชฯ...13.30 คือคำตอบจากพ่อมัน, โทรหาแท็กซี่เจ้าประจำให้ไปรับ ดีนกับพี่เลี้ยงที่บ้านตอน 12.45 น.แล้วไปรับเดสม่อนที่ รร.มาที่ทำงานเรา (โทรไปบอกที่ รร.ว่าจะให้พี่เลี้ยงไปรับลูกพร้อมบัตรรับเด็ก)

13.10 น. ลูกถึงที่ทำงานเรา,, แต่พ่อมันโทรมาบอกว่าขอเลทชั่วโมงนึง T_T ระหว่างที่รอพ่อมันไอ้คนโตก็วิ่งวุ่นไปทั่วทั้งชั้น4 ชั้น5 ไปกับคนนู้นที คนนี้ที ส่วนคนเล็กให้ไปนอนเงียบๆให้ห้องประชุม

14.45 น. พ่อมันมาถึง

15.15 น.ถึงสมิตเวช ศรีนครินทร์ ทำประวัติใหม่ให้น้องดีน ตรวจคัดกรองลิงทั้งคู่

15.25 น.เข้าพบหมอตรวจเดสม่อนก่อน,,,คนนี้ไม่เป็นไรมากหวัดธรรมดา จัดยาให้....ต่อด้วยคนเล็กน้องดีน

หมอ : หมอว่าปอดน้องมีปัญหานะ หมออยากให้เอกเรย์ และเจาะเลือด และให้นอน รพ.

เรา : หมอคะ ให้หมอทำประวัติส่งตัวได้มั๊ยคะ ..คือเกรงว่าจะสู้ค่าใช้จ่ายที่นี่ไม่ไหวถ้าต้องนอนหลายวัน (ทำประกันไว้แต่คนโตคนเล็กยังกำลังจะทำก็ป่วยซะก่อน)

หมอ : ไม่มีปัญหาแต่ก่อนกลับขอพ่นยา และดูดเสมหะน้องก่อน ส่วนเอกเรย์กับเจาะเลือดค่อยไปทำที่นู้นก็ได้ น้องกินนมล่าสุดกี่โมง

เรา : น้องพึ่งทานนมคะ (หมอเลยให้ดูดแต่น้ำมูก)

16.45 น. จ่ายค่ายาให้ลิง2ตัวหมอไปเกือบ 3000 บาทใช้สิทธิ์ส่วนลดได้ 20% จากน้ันหาอะไรกิน

อ่านใบส่งตัวหมอสงสัยเรื่องปอดบวม กับไวรัส RVS

18.30 ถึง รพ.จุฬารัตน์3 ตรวจคัดกรองดีน(อีกครั้ง) จากนั้นพบคุณหมอ หมอประจำออกเวรไปแล้ว..ไม่เป็นไรคนไหนก็ได้ ยังงัย รพ.นี้ก็ใช้บริการเป้นประจำอยู่แล้ว รู้จักเดสม่อนกันตั้งแต่ประชาสัมพันธ์, พยาบาลห้องอายุรรรม, ห้องสูติ, ห้องเด็ก ไปถึงการเงิน

จากน้ันดีน ถูกส่งไปเอกเรย์ , เลือกห้องที่จะพัก พอดีห้องดีลักซ์เต็มหมด ได้ห้องเดียวธรรมดา

19.30 ดีนถูกส่งตัวขึ้นห้อง, เปลี่ยนเป็นชุดคนไข้, เจาะเลือด ดีที่ดีนยังทานนมได้เลยไม่ต้องให้น้ำเกลือ ระหว่างนั้นให้พ่อมันกับพี่เลี้ยงไปเก็บของใช้จำเป้นมา ส่วนพี่เลี้ยงก้ให้มานอนกับเราที่รพ.ด้วย

ดีนถูกพ่นยาทุก 4 ชม. ทุกครั้งที่พ่นพยาบาลจะเป็นคนอุ้มน้องและพ่นยาให้เอง เคาะปอดและดูดเสมหะในห้องพัก

ดีนอยู่ รพ.ตั้งแต่คืนวันที่ 13 ก.ย.54 ถึงบ่ายวันที่ 15 ก.ย.54 หมอสรุปว่าเป็นปอดบวมหมดไปเกือบหมื่น(ได้ลด10%)

ศ.16 ก.ย.54

06.00 น. น้องดีนอ้วกพุ่ง เรียกพี่เลี้ยงให้ช่วยดูเดสม่อนและส่งน้องไป รร.เราจะพาดีนไป รพ. จากนั้นรีบแต่งตัวให้มอไซด์ไปเรียกแท็กซี่ให้

06.30 น. เข้าห้องฉุกเฉิน รพ.จุฬารัตน์ พ่นยา หมอต้องการให้นอนต่อ แต่บอกหมอว่าไม่ไหวแล้วขอส่งตัวไปที่อื่น

ระหว่างนั่งคิดว่าจะส่งไปใช้สิทธิ์30บาทดี หรือว่ารัฐบาลใกล้ๆบ้านดี น้องที่อยู่การเงินก็บอกให้ไป รพ.เด็กดีกว่า ถึงจะไกลแต่ก็ดีกว่าแถวนี้

07.30 น. กลับถึงบ้านอาบน้ำเก็บข้าวของที่จำเป็นสำหรับเรากับลูก ในใจแอบนึกกลัวว่าจะไม่ได้นอนเฝ้าลูก

08.45 น. ถึง รพ.เด็ก ทำประวัติ, ตรวจคัดกรองเบื้องต้น, แล้วบอกให้ไปฉุกเฉิน

ดีนถูกพ่นยาอีกรอบ จากนั้นพยาบาลบอกให้ไปเจาะเลือดให้อีกคนรอรับผล, พาน้องไปเอกเรย์แล้วเอาผลกลับมา แต่ไปจ่ายเงินค่าเจาะเลือดก่อน

11.00 น. ตรวจเสร็จหมดทุกอย่างหมอสรุปให้นอน รพ.เพราะปอดบวม

11.15 น. พยาบาลแจ้งว่าจะให้นอนไปอยู่ห้องสังเกตอาการ เราถามก่อนเลยว่านอนเฝ้านอนได้มั๊ย พยาบาลบอกญาติผู้หญิงเฝ้าได้ 1 คน (ค่อยยังชั่ว

13.00 น. น้องยังไม่ได้เตียง เดินไปหาพยาบาล

เรา : คุณพยาบาลคะฝากดูแลน้องหน่อยนะคะ พอดีแม่จะไปเอาจดหมายส่งตัวคนไข้ในจากต้นสังกัด แล้วจะรีบกลับมา

พยาบาล : คะ

เดินทางด้วย BTS ไปสถานีพญาไท ต่อairport link ลงที่อาคารผู้โดยสารเดินเข้าตึก

เนื่องจากวันนี้ไปสัมมนากันหมดเลยไม่มีใครรู้ว่าใครมีอำนาจเซนต์หนังสือได้

14.00 น. พี่เลี้ยงโทรมาเราไม่ได้รับเพราะชาร์ตโทรศัพท์อยู่ที่โต๊ะ

14.15 น. โทรกลับพี่เลี้ยงถามว่าได้ห้อง vip เราจะเอามั๊ย...ตอบแบบไม่คิดว่า..เอา

15.30 น.โทรหาพี่เลี้ยงบน airport link ถามว่านอนขึ้นห้องแล้วใช่ไหม....

พี่เลี้ยง : ยังคะพี่ เค้ารอให้พี่มาจ่ายค่าห้อง vip 2,450 บาท (อยากจะปรี๊ดแตก)

16.00 น. ถึง รพ. จ่ายค่าห้อง,ถามพยาบาลห้องฉุกเฉินว่ายื่นหนังสือส่งตัวคนไข้จากต้นสังกัดที่ไหนที่ไหน พยาบาลบอกเคาเตอร์พยาบาลชั้นที่น้องอยู่

** พยาบาลห้องฉุกเฉินตอนดีนเข้ารับการรักษาน่ารัก**

- ขึ้นไปถึงชั้นที่ดีนจะพัก ยื่นหนังสือที่เคาเตอร์พยาบาล

พยาบาล : เอกสารนี่ยื่นที่ชั้น 8 คะแล้วไม่ได้บอกเค้าหรอคะว่ามีหนังสือส่งตัวจะได้ไม่ต้องรอ

เรา : บอกแล้วคะ----- เดินขึ้นไปชั้น 8

พนักงานการเงิน :คุณแม่ไม่บอกข้างล่างหรอคะว่ามีหนังสือส่งตัว

เรา : บอกคะ (ในใจคิดจะให้ตรูเดินไปไหนอีกฟระ)

พนักงานฯ : คุณแม่ลงไปทำเรื่องคืนเงินที่การเงินข้างล่างนะคะ เดี๋ยวพ้นวันจะคืนไม่ได้ มีจดหมายส่งตัวแล้วไม่ต้องจ่ายเงินไว้ค่อยจ่ายค่าห้องส่วนเกินวันกลับคะ แล้วขึ้นมาเอาใบที่ห้องนี้ไปให้พยาบาลที่ward

เรา : คะ (ในใจคิด ตรูเหนื่อยจะแย่แล้วแต่ก็โอเค)

ห้องที่ดีนพักเป็นห้อง super vip มีห้องรับแขกแยกจากห้องพักคนไข้...

มีไมโครเวฟ, เครื่องทำน้ำอุ่น, ทีวี 2 เครื่องให้ห้องรับแขก กับห้องนอน

แต่..

ทีวีห้องนอนดูชัดแค่ช่องเดียว, มีก่อสร้างนอกห้องตอกกันจนเกือบห้าทุ่ม จะเปิดประตูระเบียงก้ไม่ได้เพราะฝุ่นจะเข้า, แอร์ห้องรับแขกเย็นฉ่ำ ห้องนอน ร้อนโคตร ห้องอยู่สุดทางเดินตึก ประตูห้องติดกับประตูหนีไฟ ไม่กล้าทิ้งลูกไว้คนเดียวแม้จะเดินไปแค่เคาเตอร์พยาบาล (ข่าวขโมยเด็กใน รพ.ฝังจิต)

17.30 น. พยาบาลเข้ามาสอบประวัติน้อง

พยาบาล : ถาม บลา ๆ ๆ

เรา : ตอบ เบลอ ๆๆ

พยาบาล : น้องทานนมแม่มั๊ยคะ

เรา : ไม่ค่อยได้ทานคะ

พยาบาล : (มองเรายังกับเราเป็นตัวประหลาด) ทำไมหละคะ นมแม่ บลาๆๆ

เรา : (พูดแทรกขึ้น) พยายามแล้วคะ ตั้งแต่คนแรก คนสองพยายามมากกว่าเดิมก็ได้แค่นี่ ทุกอย่างที่เค้าว่าดีทำหมด ทั้งยาไทย จีน ยาปัจจุบัน ยาโบราณ

17.40 น. หมอเวรเข้ามาตรวจ2คน

หมอ : คุณแม่คะน้องเป็นปอดอักเสบนะคะ

เรา : ?? ก็ไหนข้างล่างบอกปอดบวม ??

หมอ : ก็เหมือนกันแหละคะ

เรา : แต่น้องไม่เคยมีไข้เลยนะคะ

หมอ : เชื้อมีสองชนิดคะ จากไวรัส กับ แบคทีเรีย น้องเป็นจากไวรัส

...ว่าจบชี(s) ก็ไป...

17.45 น. พยาบาลเข้ามาแขวนป้ายบอกเวลาที่น้องจะต้องพ่นยา และดูดเสมหะ

04.00-06.00., 08.00-10.00., 12.00-14.00., 16.00-18.00., 20.00-22.00., 00.00-02.00.

รอบแรกของน้องจะเป็นรอบสี่ทุ่ม..หมายความว่าลูกต้องกินนมเสร็จก่อนสองทุ่ม

18.00 น. ให้พี่เลี้ยงกับบ้าน

18.30 น. พยาบาลเข้ามาวัดไข้, ออกซิเจนในเลือด ฯลฯ เราถามพยาบาลว่าไม่เปลียนชุดคนไข้ให้น้องหรอคะ, เดี๋ยวเอามาให้คะ (แล้วก้หายไปเกือบครึ่งชั่วโมง กลับมาพร้อมชุดคนไข้ 4-5ชุดแล้วก็ไป

งงนิดนึงแต่คิดขึ้นได้ว่าเราอยู่ รพ.รัฐนี่หว่า...อ้าวเอ๊ะอยู่ห้อง super vip ไม่ทำให้หรอ

22.00 น. ได้เวลาพ่นยา พยาบาลมาตามเวลาเป๊ะ เราลุกจากเตียงให้ , คุณแม่มาอุ้มน้องพ่นยานะคะเสร็จแล้วปิดตรงนี้ จากนั้นพาน้องไปเคาะปอดกับดูดเสมหะที่ห้องนู้น (เหวอ นิดๆ ก็เอกชนทำให้) เคาะเสร็จถามพยาบาลว่าห้องฝั่งนี้เสียงดังมั๊ย พยาบาลบอกดังเหมือนกัน แถมมีเสียงเครื่องบำบัดน้ำเสียด้วย



ส.17 ก.ย. 54

02.00 ได้เวลาอีกแล้วลูก

06.00 น. เคาะปอด time

07.30 น. คุณหมอ(ช)เข้ามา(หน้าเด็กเหมือนเดิม)

หมอ : คุณแม่น้องเป็นปอดติดเชื้อนะ

เรา : (คิดในใจ ตกลงลูกตรูเป็นอะไรแน่ฟระ) อ้าวไหนเมื่อวานบอกปอดบวม

หมอ : อันนั้นหมอเวรเค้าดูจากฟิล์มเอกเรย์ (คิดในใจ แล้วหมอพึ่งเข้ามาตรวจลูกอิชั้นครั้งแรกเนี่ยนะ)

เรา : แล้วมีแนวทางการรักษายังไง, เมื่อไรน้องถึงจะได้กลับบ้าน

หมอ : ก็พ่นยา เคาะ ดูดเสมหะ, ต้องดูอาการวันต่อวันบอกไม่ได้ว่าออกได้เมื่อไร

he ตรวจไม่ถึง 3 นาทีแล้วก็ไป

09.00 น. แม่บ้านเข้ามาทำความสะอาด

แม่บ้าน : คุณแม่คะห้องพิเศษธรรมด่ว่าง คุณแม่จะย้ายไหมคะ

เรา : เสียงดังแบบนี้มั๊ยคะ

แม่บ้าน : ไม่เลยคะถ้าปิดประตูระเบียงก้ไม่ได้ยินเสียง คุณแม่จะไปดูก่อนก็ได้ แต่ต้องรีบตัดสินใจเดี๋ยวมีคนไข้ใหม่เข้ามา

เรา : (ตอบแบบว่าไม่ต้องคิด) เอาคะ

แม่บ้าน : งั้นเดี๋ยวจะเอารถมาช่วยขนของนะคะ

เรา : ขอบคุณคะ แล้วก็ sms บอกพ่อมันว่าย้ายห้อง

ทำมั๊ยต้องจ่ายแพงด้วยในเมื่อตรูต้องทำไรเองแทบทุกอย่าง

11.00 น. ดาดี๊มาพร้อมเดสม่อน และพี่เลี้ยง(พี่เลี้ยงจะมานอนด้วย)

15.00 น. ดาดี็กับเดสม่อนกลับบ้าน

*ทุกครั้งที่เคาะปอดดีนจะเคลิ้ม พอดูดเค้าจะช่วยไอออกมา ดีนเก่งที่ร้องไม่มาก พอดูดเสร็จก็จะบ่นพยาบาล*

ทุกครั้งก่อนจะถึงเวลาต้องอดนมเพื่อพ่นยาแม่จะยัดนมให้ลูกกิน หิวไม่หิว หลับอยู่ก็ต้องกิน ไม่งั้นเวลา2 ชม.ก่อนพ่นยาจะเป็นช่วงเวลานรกมาก เพราะดีนจะร้องกินนม แล้วพอเสร็จกลับมาดีนก้กินแค่ออนซ์เดียวก็หลับ เพราะเหนื่อย ตื่นขึ้นมาก้ใกล้จะได้เวลาพ่นอีกรอบ

อา.18 ก.ย.54

07.30 น. หมอ(ช)เข้าตรวจ (หมองงนิดหน่อยเพราะเราย้ายห้อง) บอกว่าวันนี้จะให้พ่นทุก 6 ชม. หมอบอกว่าขอดูอาการก่อนแล้วค่อยว่ากัน (ตรวจไม่ถึง 3 นาทีเลย)

พยาบาลเข้ามาเปลี่ยนป้ายบอกเวลา

วันนี้ถูกพยาบาลคนนึงถามเราว่าลูกกินนมไรทำมัยตัวโตจัง..พอเราบอกว่านมป๋อง เค้าก็มองเราเหมือนเราเป็นฆาตกรฆ่าลูก..เพราะลูกไม่ได้กินนมแม่

จ.19 ก.ย. 54

07.30 น. คุณหมอเข้าตรวจ (วันนี้เป็นหมอผู้หญิง ไม่เคยพบมาก่อน)

เรา : น้องเป็นยังบ้างคะ

หมอ : (หลังจากฟังปอด) น้องดีขึ้นนะคะหมอจะให้หยุดพ่นยา.. เออคุณแม่คะน้องมีอาการซีดนะคะ คือเด็กที่ทานนมกระป๋องมักจะขาดธาตุเหล็ก ยังไงหมอจะจัดยาเกี่ยวกับธาตุเหล็กให้ก่อนกลับนะคะ วันนี้ก็จะมียาขยายหลอดลมแทนการพ่น

เรา : แล้วน้องจะออกได้เมื่อไรคะ

หมอ : ขอดูอีก 1-2 วันนะคะ

เราเลยบอกพี่เลี้ยงว่าจะกลับไปเก้บเสื้อผ้า ชุดทำงาน ท่าทางจะอยู่อีกนาน

ตอนอยู่บน bts พี่ปิ๊กโทรมาบอกว่าจม.ส่งตัวฉบับนั้นใช้ไม่ได้ (นึกอยู่แล้วเชียว ก็ถ้าพี่แหม่มไม่อยู่ก้จะเป็นนายเราเซ็นต์) ให้มาเปลี่ยน

โทรหาพี่เมย์ให้เซนต์แทน แล้วให้คุณสามีไปรับตอนเย็นฝากพี่เลี้ยงมาให้เราวันอังคาร

กลับมาถึงบ้านประมาณ 9.30 โทรให้แท็กซี่เจ้าประจำมารับ 10.30 ถึง บอกให้แท็กซี่มารับเดสม่อนไปส่ง รร.แล้วเลยไปส่งพี่เลี้ยงที่รถไฟฟ้า พร้อมจ่ายค่ารถไว้ให้ .. หมดค่าเดินทางไปหลายบาท

ถึง รพ.เกือบเที่ยง ให้พี่เลี้ยงกลับบ้านไปซัก รีด ชุดนักเรียนให้เดสม่อน

14.30 น. คุณหมอเข้ามาอีกรอบ (หมอผู้หญิงเมื่อเช้ามาพร้อมกับหมอใหญ่) เลยget ว่าทั้งหมดเป็น...

หมอใหญ่ : น้องดีมากแล้วนี่คะ และก็ไม่ซีดด้วย ผลเลือดปกติ (แอบมองหมอเด็กแบบเคืองๆ) หมอให้กลับบ้านได้

(หมอเด็กแก้ตัวกับอาจารย์หมอว่าตรวจสลับกับอีกห้อง) เหวออีกแล้วเรายังงี้ก็มีด้วย

เรา : ต้องกลับพรุ่งนี้แล้วหละคะให้พี่เลี้ยงเค้ากลับไปแล้วไม่มีคนช่วย

หมอใหญ่ :ถ้าน้องดูหายใจไม่ออกก้ให้พยาบาลดูดให้นะคะ

หมอใหญ่คุยกับเราเกือบ 15 นาที ถามว่าน้องเกิดเดือนอะไร ที่ รพ.เด็กทีแคมเปนฉีดวัคซีนบวกตรวจสุขภาพฟรีสำหรับเด็กที่เกิด ก.ค.54

เรา : ก็พอทราบเหมือนกันแต่ไม่สะดวก เพราะบ้านอยู่บางพลี เราฉีดเอกชนที่น้องเกิด (จุฬารัตน์3) ยังงัยขอบคุณคะ

16.00 น. รู้สึกดีนหายใจไม่สะดวก เดินไปขอพยาบาลดูดน้ำมูก พยาบาลบอกขอเป็นรอบ 18.00 น.จะพ่นยาด้วย งงนิดหน่อยว่าทำมัยไม่ได้แต่ก้เฉยๆเพราะเห็นเค้ายุ่งกันอยู่

18.00 น. เรา : ขอดูดน้ำมูกหน่อยคะ

พยาบาล : น้องกินนมกี่โมงคะ

เรา : บ่าย 3 คะ แต่กินยาไปตอน 5 โมง

พยาบาล : งั้นก็ไม่ได้ ต้องงด 2 ชั่วโมงคะ

เดินกลับไปบ่นในห้อง อะไรฟระดูดน้ำมูกก็ต้องงดนมก่อนด้วยหรอ

22.00 น.ไปขอพยาบาลอีกคนดูด แอบถามว่าดูดน้ำมูกต้องงดนมด้วยหรอ...ไม่ต้องนี่คะ เพราะน้องไม่ต้องพ่นยากับเคาะปอดอาการเสี่ยงสำลักลงปอดไม่มี (ปรี๊ดได้อีก)

20 ก.ย. 54

ตื่นเช้าเตรียมเก็บของกลับบ้าน รอพี่เลี้ยงมาถึงจะได้เปลี่ยน จม.ส่งตัวแล้วก็กลับบ้าน

10.00 น.เดินไปเอาเอกสารที่เคาเเตอร์พยาบาล ..ลงไปกดเงินข้างล่าง...แอบอ่านเอกสารที่พยาบาลให้.....ประวัติครอบครัว มารดา..ไม่มีประวัติภูมิแพ้ บุหรี่ไม่สูบ, สุราไม่ดื่ม,, บิดา ไม่มีประวัติภูมิแพ้ สูบบุหรี (ฮืมจริง)...ดื่มสุราบางครั้ง อ้าวเฮ้ยสามีดิฉันไม่เคยดื่มคะ มั่วได้โลห์อีกแล้ว

จ่ายเงินส่วนเกินไป 3150บาท บริษัทให้ค่าห้องพร้อมอาหารวันละ 800 บาท เป็นค่าห้อง super vip 1650 บาท 1คืน (จาก2450) และ 1500 (500x3) จากราคาห้องพิเศษธรรมดาคืนละ 1300

วันพฤหัสบดีที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2554

Dean Martin

26 พ.ย.53 ทดสอบการตั้งครรภ์ ขึ้น 2 ขีด ท้องนี้มามี๊ไม่ค่อยกังวลเท่าไรแต่ มามี๊กับดาดี๊รวมถึงคุณหมอลุ้นกันว่าหนูจะออกมาเป็นผู้หญิง

ปลายเดือน กพ.54 หนูอยู่ในพุงมามี๊มา 4 เดือนแล้ว เดือนนี้เราบินไปเยี่ยมคุณย่าที่ อังกฤษกัน เวลาเดินทางด้วย underground เดสม่อนไม่ยอมเดินทำให้มามี๊ต้องช่วยดาดี๊ยกรถเข็นเวลาขึ้นบันได เราไปอังกฤษกันเกือบ 10 วันกลับมาเดสม่อนปรับเวลาเดินทางไม่ได้ นอนตี 4อยู่ถึง 3 คืน

วันอาทิตย์ต้นเดือน มี.ค. มามี๊มีเลือดออก รีบขึ้นไปบอกดาดี๊ วันนั้นคุณหมอไม่เข้าตรวจ แต่คุณหมอใช้เวลาแค่ 15 นาที หลังจากพยาบาลโทรแจ้ง ก็มาถึงห้องตรวจ มามี๊ถูกฉีดยาเหมือนตอนเดสม่อน แต่ครั้งนี้ไม่มากเท่า การเซาว์ครั้งนี้ยังมองไม่เห็นว่าหนูเป็นผู้หญิง หรือผู้ชาย แต่ทั้งคุณหมอและดาดี๊พนันและลุ้นว่าหนูต้องเป็นผู้หญิง

เข้าเดือนที่ห้า ในที่สุดสิ่งที่ทุกคนลุ้นก็ปรากฎออกมาว่าหนูเป็นผู้ชาย และอีกอยากที่มามี๊ลุ้นคือว่ามามี๊อยากให้หนูออกมาวันเดียวกันกับ เดสม่อนคือวันที่ 20 ก.ค. ซึ่งคุณหมอบอกว่าเป็นไปได้เพราะครบกำหนด 38 วึคพอดี

วันนึงในอาทิตย์ที่ 36 ของการอยู่ในพุ่งของหนู มามี๊รู้สึกว่าหนูไม่ค่อยดิ้นจึงรีบไปหาหมอ ติดเครื่อง NST ดูการเต้นและการดิ้นของหนู กราฟขึ้นสูงทุก 10 นาที มามี๊ยังย่ามใจไม่เก็บกระเป๋า

วันพุธที่ 13 ก.ค. 54 (เข้าสัปดาห์ที่ 37 ของการตั้งครรภ์) วันนั้นมามี๊อยู่บ้านกับเดสม่อน 2 คน เวลาประมาณ 15.00 มามี๊รู้สึกว่าท้องแข็งทุก 10 นาที และแข็งถี่ขึ้นเรื่อยๆ
16.00 ท้องเริ่มแข็งทุก 5 นาที ตอนนี้มามี๊ไม่อยากเดินไปไหนแล้ว เดสม่อน โดนมามี๊ดุเพราะกำลังงอแง
16.30 ตากลับบ้าน อีก 5 นาที ดาดี๊ก็ตามมา มามี๊บอกว่าอยากไปหาหมอเพราะรู้สึกแปลกๆ
17.00 คุณหมอจับท้องดู แล้วขอตรวจปากมดลูกปรากฏว่าเปิดแล้ว 1 เซน (ผิดกับเดสม่อนรอตั้ง 2 อาทิตย์ไม่ยอมเปิดเลย) คุณหมอบอกต้องผ่าวันนี้
20.00 มามี๊ถูกเข็นเข้าห้องผ่าตัด
20.33 ดีน มาร์ติน ลืมตาดูโลก ครั้งนี่ดาดี๊ไม่ได้อยู่ในห้องผ่าตัดกับมามี๊ แต่ครั้งนี้มามี๊มีสติทุกวินาที ได้หอมแก้มหนูก่อนที่พยาบาลจะเอาหนูไปทำความสะอาด (ตอนเดสม่อน มามี๊หลับเพราะฤทธิ์ยา)

10 นาทีต่อมา พยาบาลเดินมาบอกคุณหมอว่าหนูมีปัญหาเพราะหายใจเร็วต้องอยู่ห้อง NICU ตอนนั้นมามี๊น้ำตาไหล เพราะไม่รู้ว่าอาการของหนูจะหนักแค่ไหน

พอเข้าห้องพักฟื้น มามี๊เอาแต่ร้องไห้จนตาบวม แต่ก็มีพยาบาล และ คุณหมอมาบอกอาการของหนูเป็นระยะ มามี๊ยังไมสามารถลุกจากเตียงได้ ดาดี๊กับเดสม่อนไปเยี่ยมหนูที่ห้อง NICU และดาดี๊ก็ถ่ายรูปมาให้ดู

วันที่ 2 ที่อยู่ รพ. มามี๊สามารถลุกได้แล้ว พยาบาลก็เอารถเข็นมาให้มามี๊นั่งเพื่อไปเยี่ยมหนู ตอนนั้นหนูถอดสายออกซิเจนออกแล้ว อาการดีขึ้นเยอะ แต่ก็ยังหายใจเร็วอยู่บ้างหลังมื้อนม และ เวลาร้อง

มามี๊ได้กลับบ้านวันเสาร์แต่หนูยังต้องอยู่ รพ.ต่อ มามี๊ไม่ชอบเลย วันอาทิตย์เราไปเยี่ยมหนู คุณหมอบอกว่าพรุ่งนี้ก็กลับบ้านได้ มามี๊ดีใจมาก

ดีน มาร์ติน นน.แรกเกิด 3,175 ยาว 48 ซม.

Desmond Martin

เดสม่อน มาร์ติน (J.J.)
อา.23 พ.ย. 51 แม่ตรวจพบว่ากำลังมีหนูอยู่ในท้อง มามี๊ กับ ดาดี๊ดีใจมาก
อ. 26 พ.ย. 51 เลือดออก ป้ารัตน์รีบพาส่ง รพ.ตอนแรกจะไปสมิตเวช ศรีนครินทร์ แต่ดันลงผิดช่องเลยได้เข้า รพ.วิภาราม คุณหมอเซาว์ไม่เจอถุงการตั้งครรภ์แต่ฮอร์โมน HGC สูงถึง 2,500 คุณหมอบอกว่าน่าจะเป็นการท้องนอกมดลูก...อีก 3 วันถัดไป มามี๊กับ ดาดี๊ไม่กลับไป รพ.เดิม ย้ายไป รพ. ศิครินทร์ ฮอร์โมนขึ้นถึง 9500 ก็ยังไม่เจอถุงการตั้งครรภ์ คุณหมอบอกว่าท้องนอกมดลูกให้รีบผ่าออก มามี๊ยังไม่อยากเชื่อแล้ด้วยค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูงจึงขอประวัติ เย็นวันนั้นที่ รพ.พระมงกุฎ มามี๊ถูกเจาะเลือด และตรวจอีกครั้ง คราวนี้ฮอร์โมนพุ่งถึง 12,000 แต่ก็ยังไม่เห็นถุงการตั้งครรภ์ มามี๊ต้องนอนรพ. คืนนั้นพร้อมทั้งงดน้ำ และ อาหารเพื่อรอทำการผ่าตัดในเช้าวันรุ่งขึ้น คืนนั้นทั้งคืนมามี๊นอนไม่หลับ บอกกับหนูว่า "เด็กดีโผล่ออกมาให้คุณหมอเห็นนะคะแล้วเราก็จะได้กลับบ้านกัน"

เช้าวันรุ่งขึ้นอาจารย์หมอเป็นคนตรวจ ใช้เวลาเซาว์อยู่เกือบ 30 นาทีในที่สุด...ก็เจอถุงการตั้งครรภ์ มามี๊ดีใจมาก ส่วนดาดี๊ก็ดีใจจนน้ำตาไหล

แต่หนูก็ทำให้แม่เป็นกังวลตลอดในช่วง 3 เดือนแรก เพราะมีเลือดไหลบ่อย มีอยู่ครั้งนึงใกล้ปีใหม่เลือดไหลเยอะมากป้าเขียนพาไป รพ. พอถึง รพ.คุณหมอบอกให้ทำใจดีๆ แต่ทุกอย่างยังปกติ มามี๊ยังเห็นหัวใจหนูเต้นอยู่

เข้าเดือนที่ 4 สามารถมองเห็นเพศได้ ดาดี๊อยากได้ผู้หญิง เลยพนันกับคุณหมอ ถ้าหนูเป็นผู้หญิงหมอแพ้พนันต้องบริจาคเงิน 100 บาทใส่กล่องรับบริจาค แตถ้าหนูเป็นผู้ชายดาดี๊จะบริจาค 500 บาท...สรุปดาดี๊แพ้
ทุกอย่างผ่านมาด้วยดีจนใกล้ครบกำหนดคลอด มามี๊มีอาการท้องแข็งบ่อย ติดเครื่องดูการเคลื่อนไหว (NST) กราฟสูงทุก 8-10 นาที พยาบาลในห้องยังแซวว่าเดียวเจอกัคืนนี้ แต่หนูก็ยังไม่อยากออก

อีก 2 ถัดมา กราฟสูงทุก 5-8 นาที พยายบาลแซว แต่หนูก็ยังไม่อยากออก

สุดท้ายมามี๊อึดอัดมากเลยบอกคุณหมอผ่าเถอะคะ

20 ก.ค. 52 เวลา 11.34 น. ดช.เดสม่อน มาร์ติน ก็ลืมตาดูโลกด้วยน้ำหนักตัว 3,760 กรัม ยาว 51 ซม.